RAKAPOSHI & DIRAN BASE CAMP 3,700M. 9NIGHTS 10DAYS

RAKAPOSHI & DIRAN BASE CAMP 3,700M. 9NIGHTS 10DAYS

ราคาเดินทางโดยรถ จำนวน 1-5 ท่าน ราคาท่านละ 1400 USD

ราคาเดินทางโดยรถ จำนวน 6-12 ท่าน ราคาท่านละ 1300 USD

ถ้าลูกค้าท่านไหนต้องการเดินทางโดยสายการบินภายในประเทศรบกวนแจ้งทางแอดมินทางเราจะเช็คราคาตั๋วให้ค่ะ

ราคานี้รวม : รถรับส่งสนามบิน และค่ารถตลอดทริป / ค่าอาหารทั้งในเมือง และบนเขาทุกมื้อ และน้ำดื่ม / ค่าโรงแรมในเมืองและค่าเต็นท์บนเขา / ไกด์เทรคกิ้งมีใบอนุญาตและมีประสบการณ์ดูแลคนไทย

ราคานี้ไม่รวม :  ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ / ค่าวีซ่าสามารถฝากทีมงานทำได้ ราคา 2,000 บาท ต่อท่าน ได้วีซ่า 90 วัน / ทิปไกด์ วันละ 5 USD / ทิปคนขับรถแล้วแต่สะดวก / ค่าเครื่องดื่มบาร์

 

Day 1 : ลูกค้าเดินทางจาก BKK-ISB (19:00-22:10) พักที่ Islamabad

Day 2 : การเดินทางที่แสนยาวนานได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ ตี 4 พวกเราเดินทางทั้งหมด 5 คนโดยรถ 4w และในวันที่พวกเราเดินทางฝนก็ตกเป็นระยะ ๆ ขับเร็วก็ไม่ได้ ทริปนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบนั่งรถกินลมชมวิว เหมือนขึ้นรถไฟหวานเย็นที่ไทย ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง แต่วิวข้างทางสุดอลังการค่ะ วันนั้นเราใช้เวลาเดินทางจาก Islamabad to Gilgit โดยถนน Karakorum highway ผ่าน Narran และ Babusar Pass แต่เสียดายมากที่ฝนตก เราไม่เห็นวิวอะไรเลยตรง Pass แต่ปลายทาง Gilgit สวยจนละสายตาไม่ได้เลย สรุปการเดินทางวันนั้นประมาณ 15 ชั่วโมง ก้นด้านไปตาม ๆ กันเลยค่ะ ฮ่า ฮ่า

 

Day 3 : พวกเราเดินทางจาก Gilgit to Mina pin Nagar ในเส้นทางนี้พวกเราได้แวะชม เส้นทางสายไหมที่เก่าแกมาก ๆ และแวะชม Rakaposhi viewpoint ก่อนที่จะเริ่มเทรคจริงในวันพรุ่งนี้ พักที่ Minapin
Day 4 : วันนี้เราเริ่มเทรคแล้ว เราจะเริ่มเทรคจาก Minapin to Hapakun ความสูง 2,079 m. – 2,918 m. ระยะทางประมาณ 6.6 km. ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ไกด์ของเราในทริปนี้ชื่อ Lucky ค่ะ ตลอดระยะเวลาที่เราเทรคอากาศร้อนมาก ภูมิประเทศของปากีสถานไม่มีไอเย็นของภูเขาน้ำแข็งเลย ตอนเรานั่งพักก็ยังร้อน ตอนเทรคก็ร้อน เราพลาดมากที่เตรียมเสื้อผ้าหนาเกินไป นึกว่าจะเหมือนเนปาล แต่พอเราเทรคไปถึง Hapakun ปรากฎว่าอากาศเริ่มเหมือนละ คือเริ่มมีลมพัด อากาศเย็นก็ผ่านมาให้เราได้สัมผัสกันบ้าง ที่แคมป์ Hapakun จะมีร้านอาหารที่กางด้วยเต็นท์ จะไม่ได้สร้างถาวรเหมือนกับเกสเฮ้าส์ที่เนปาล ไกด์บอกพวกเราว่า ร้านพวกนี้ จะเป็นคนพื้นที่ราบแต่มาทำธุรกิจข้างบนเขา พอนอกฤดูก็กลับลงเขามาอยู่บ้านกัน เราขอชมเลยว่า คนปากีสถานสะอาดมาก ห้องน้ำที่แคมป์เป็นแบบชักโครกเลย และบริเวณลานกางเต็นท์ก็สะอาดมาก คืนนั้นพวกเรานอนเต็นท์ท่ามกลางธรรมชาติ แต่เสียงดังจากหินถล่มดังเป็นระยะ ๆ ทั้งคืน เพราะเขาที่อยู่ล้อมรอบพวกเราดูจะไม่มีต้นไม้และแห้งมาก นอนน้อยแต่ก็นอนนะ อิอิ
Day 5 : วันนี้เราเทรคจาก Hapakun to Tagaphary base camp ความสูง 2,918m. – 3,469m. ในช่วงกลางวันก็ยังร้อนเหมือนเดิม แต่วันนี้ใส่เสื้อบางลงอีกนิดและมีกันลมข้างนอกอีก 1 ชั้นค่อยยังชั่ว วันนี้เดินประมาณ 3.2 km ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง วันนี้ถือว่าชันเหมือนกัน ระหว่างทางที่เราเทรค เราเริ่มเห็นยอดเขาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนมาถึงธารน้ำแข็ง โอ้โหหหหหหห ทำไมมันสวยแบบนี้วะ หายเหนื่อยเลยยยย พอเดินเลยธารน้ำแข็งไปอีกประมาณ 1 km. ก็ถึง Rakaposhi base camp แล้ว คืนนี้เราพักเต็นท์ที่ base camp ค่ะ วิวสวยมากกกก
Day 6 : เอาหล่ะ วันนี้เป็นวันที่เราต้องเทรคบนธารน้ำแข็งแล้ว ตอนยังไม่ได้ออกเดินทางยังนึกภาพไม่ออก ว่าเราจะเดินผ่านไปได้ยังไง ต้องเดินยังไง ตั้งแต่เทรคมา ไม่ว่าจะเจอหิมะ หรือหิมะที่ละลายเป็นน้ำแข็งที่เนปาล ก็ยังนึกภาพไม่ออกอยู่ดีว่าที่ผ่านมาจะเหมือนธารน้ำแข็งที่เรากำลังจะเจอหรือเปล่า ทางขึ้นทางลงมันโหดมาก แทบจะคลานขึ้นลงกันเลยทีเดียว เราใช้เวลาเดินบนธานน้ำแข็งไปกลับรวม ๆ แล้ว 6 ชั่วโมงความสูง 3,469m. – 3,700m. รูทนี้ไกด์เล่าให้ฟังว่า เราจะไปอยู่ 2 จุด จุดแรกคือ Rakaposhi Base Camp ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีคนไทยมาเทรคแล้ว แต่ Diran Base Camp ที่เราจะไปต่อนั้น น่าจะยังไม่มีคนไทยเคยไปเลย ถ้าพวกเราเป็นคนไทยกรุ๊ปแรกที่ไปถึง Diran Base Camp ก็แอบภูมิใจอยู่นะ เพราะไกด์เล่าให้ฟังว่า รูทนี้เป็นรูทที่อันตรายเหมือนกัน เพราะถ้าไกด์ไม่มีประสบการณ์ อาจจะหลงทางได้ เพราะการเทรคบนธารน้ำแข็งจะไม่มีทางให้เราจำได้ ต้องจำยอดเขาเท่านั้น และที่อันตรายกว่านั้นคือ เส้นทางที่เราเทรคจะเปลี่ยนไปทุก ๆ 15 วัน ถ้าสมมุติว่ากรุ๊ปอื่นมาถัดจากเราไปอีก 10 กว่าวัน ทางที่เราเดินก็จะเปลี่ยนไป ไกด์ต้องหาทางเดินให้ลูกค้าใหม่ตลอด และทุก ๆ ปีก็เช่นกัน ถ้าเรากลับมาเทรคอีกปีหน้า ทางก็จะไม่เหมือนเดิมเลยเพราะธารน้ำแข็งมีการละลายและเปลี่ยนเส้นทางไปเรื่อย ๆ และเราผู้ซึ่งเดินตามคนอื่นมาตลอดทั้งไปทั้งกลับ ก็จำทางไม่ได้เลย มันมหัศจรรย์มาก และในตอนที่พวกเราเดินกลับ ก็ตัดสินใจว่าจะเดินลงไปที่พักที่ Minapin เลย เดินลากยาวกัน 12 ชั่วโมง หึหึ ดีนะที่ได้วิชามาจากเนปาลแล้ว 12 ชั่วโมงเด็ก ๆ มาถึงที่พัก สลบเลยจ้าาาา
Day 7 : วันนี้เราออกจาก Minapin to Hunza หุบเขา Hunza อยู่ทางตอนเหนือของปากีสถานสูง 2.400 เมตรและถูกสร้างขึ้นโดยแม่น้ำฮันซา นี้ ใน Giglit-Baltistanปัจจุบันเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของชาวปากีสถานภูเขาและมีผู้คนอาศัยอยู่มากกว่าล้านคนซึ่งแบ่งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์บูรูโชและวาคี หุบเขาแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในจุดแวะหลักบนทางหลวงในตำนานอย่างคาราโครัมไฮเวย์ หรือ KKH เส้นทางที่วิ่งไปรอบ ๆ 1300 กิโลเมตรจาก Abbotabad ในปากีสถานไปยัง Kashgar ในจังหวัด Xianjiang ทางตะวันตกของจีน เสียดายตอนที่เราไป ฝนตกมีหมอกเต็มไปหมด แต่เรารู้ว่ามันสวยมาก เรายังได้ไปชม Altit Fort ป้อมโบราณที่เก่าแก่ที่สุดใน Gilgit – Baltistan ตั้งอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำ Hunza เดิมเป็นบ้านของผู้ปกครองของรัฐ Hunza ก่อนจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ป้อม Baltit ในเวลาต่อมา คาดกันว่าป้อมแห่งนี้มีอายุมากกว่า 1,100 ปี ภายในมีหอคอย Shikari สามารถมองเห็นวิวหมู่บ้านคาริมาบัดและวิวของหุบเขาฮุนซาที่งดงาม วันนี้เราพักที่ Hunza
Day 8 : วันนี้เราเดินทางจาก Hunza to Passu และกลับมาพักที่ Gilgit เราแวะ Pasu Valley หมู่บ้านเล็ก ๆ สุดน่ารัก มีจุดให้ชมใบไม้เปลี่ยนสี ลัดเลาะไปตามแนวเทือกเขา Passu Cathedral ที่มีรูปร่างประหลาดรูปร่างคล้ายโบสถ์ของยุโรป ระหว่างทางมี Passu Glacier จุดชมวิวธารน้ำแข็งระยะประชิดที่ทุกคนสามารถเดินเท้าเข้าไปดูในระยะใกล้ได้ และชม ทะเลสาบอัตตาบัด (Attabad Lake)ทะเลสาบสีฟ้าสดใสราวกับมรกตใน Passu Valley บริเวณเชิงเขา Gojal แต่เดิมบริเวณนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแม่น้ำฮุนซา หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของปากีสถาน เมื่อปี ค.ศ. 2009 ทำให้ดินถล่มลงมาขวางกั้นทางน้ำ จนกลายเป็นเขื่อนดินธรรมชาติขนาดใหญ่และเกิดเป็นทะเลสาบอันสวยงามขึ้นในเวลาต่อมา กิจกรรมไฮไลท์คือ การล่องเรือชมความงามรอบทะเลสาบ สะพานแขวน “ ฮุสไซนี ” (Hussaini Suspension Bridge) ก็เป็นหนึ่งในสะพานแขวนที่น่าสนใจเพราะได้รับฉายาว่าเป็นสะพานแขวนที่อันตรายที่สุดอันดับสองของโลก มีพิกัดอยู่ที่หมู่บ้าน Shishkat ใน Gojal พื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศปากีสถาน ตั้งอยู่ในถิ่นธุรกันการสาธารณูปโภคพื้นฐานยังเข้าไม่ถึงทุกส่วน ทำให้ชาวบ้านใช้สะพานแขวนในการเดินทางข้ามไปยังอีกฝากหนึ่ง
Day 9 : วันนี้เรารีบออกจาก Gilgit to Besham บนถนน Karakorum highway เพราะไกด์บอกว่าเราอาจจะต้องไปรอเขาเคลียร์ถนนเพราะมีดินสไลต์ลงมาขวางทางเนื่องจากเมื่อคืนมีฝนตก เราเคยได้ยินเค้าพูดกันว่า ถ้ามาปากีสถานแล้วไม่เจอดินสไลด์ปิดถนน แสดงว่าไม่ถึงปากีสถาน วันนั้นพวกเราต้องรอถึง 6 ชั่วโมง เราอดชมวิวตอนกลางวันไปเลยนอกจากวิวรถติดไปหลายกิโล ฮ่า ฮ่า กว่าเราจะถึงที่พักที่ Besham ก็ปาไปเกือบ 4 ทุ่ม เห้อเหนื่อยจัง
Day 10 : เราออกจาก Besham to Islamabad แวะชม Taxila Museum ตักศิลา (ละติน: Taxila; ตัก-กะ-สิ-ลา) หรือ ตักสิลา (Takkasilā; ตัก-กะ-สิ-ลา) ในภาษาบาลี หรือ ตักษศิลา (Takṣaśilā; ตัก-สะ-สิ-ลา) ในภาษาสันสกฤต เป็นชื่อเมืองอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นปัญจาบ ประเทศปากีสถาน เป็นมหาวิทยาลัยและเป็นศูนย์กลางของศิลปวิชาการ ในอดีตของอินเดียตั้งแต่ก่อนพุทธกาล มีสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์สั่งสอนศิลปวิทยาต่าง ๆ ตักศิลาได้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2523 ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ทริปนี้คุ้มมากกกกก เพราะได้ทั้งเทรคกิ้งและเที่ยวในเมืองถือว่ามาปากีสถานแบบครบสูตรถึงแม้ว่าในบางสถานที่เราจะพลาดรูปสวย ๆ ไปเพราะฝนตกแต่ได้แค่นี้ก็คุ้มแล้ว See You Again Pakistan เราจะกลับไปอีกแน่นอน

แอดไลน์มาสอบถามรายละเอียดได้ค่ะ https://line.me/ti/p/VrKukjVCvs

Presented By : Namaste trekking (Marketing From Thailand By Eagle Adventure Tours Pakistan License ID – 2316)